วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่ 2

บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย  (EAED3208)
อาจารย์ผู้สอน   ว่าที่ร้อยตรีกฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
 ครั้งที่ 3,4 วันที่ 21,22  มกราคม 2558


เวลาเรียน  08:30-10:10 น. เวลาเข้าเรียน 08.30 น. เวลาเลิกเรียน 10.10 น.

สิ่งที่ได้เรียนในวันนี้

วันนี้อาจารย์ได้แจกกระดาษคนละ1แผ่นแล้วให้วาดมือของตัวเองแบบสร้างสรรค์เน้นมือที่ซับซ้อนกันให้มากที่สุ เพื่อมองดูแล้วจะเป็นภาพ3มิติ และให้ระบายสีอย่างที่ต้องการ ยกเว้นบริเวณที่เป็นทับซ้อนกันหรือช่องๆ ให้ระบายเป็นสีอื่น เพื่อจะได้มองเห็นชัดเจนขึ้น โดยให้เวลาในการทำงานชิ้นนี้เป็นเวลา1ชั่วโมง เมื่อใครทำเสร็จอาจารย์ก็ให้คนที่เสร็จเอาผลงานไปแปะติดบนกระดานจนครบทุกคน

ผลงานของหนู



แล้วอาจารย์ให้นำผลงานของทุกคนออกมาติดหน้าชั้นเรียน





เมื่อทุกคนได้ติดผลงานที่กระดานเรียบร้อยแล้วอาจารย์ให้ทุกคนเอาผลงานของตัวเองมาติดรวมกันที่บอรดฺ์หน้าห้อง











ครั้งที่2





    ศิลปะ แต่เดิมหมายถึง งานช่างฝีมือ เป็นงานที่มนุษย์ใช้สติปัญญาสร้างสรรค์ขึ้นด้วย ความประณีต  วิจิตรบรรจง ฉะนั้น  งานศิลปะจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็น ผลงานที่มนุษย์ใช้ปัญญา ความศรัทธา และความพากเพียรพยายามสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่
-ความงาม  (ทางกาย,ทางใจ)
-รูปทรง
-การแสดงออก
"ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์
เพื่อให้เกิดความงาม และความพึงพอใจ

ปรัชญาศิลปศึกษา
-มุ่งสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์
-เป็นเครื่องมือในการแสดงออก และใช้ความคิดสร้างสรรค์
-ให้ความสำคัญกับ กระบวนการสร้างสรรค์งาน
-เน้นความไวในการรับรู้ด้านอารมณ์ ความคิดจากสิ่งที่มองเห็น
-ความรู้สึกที่มีอยู่เบื้องหลังผลงาน       
-สนับสนุนให้เรียนรู้ ด้วยการค้นคว้า ทดลองสิ่งใหม่ๆ
-นำไปใช้พัฒนาชีวิตด้านอื่นๆได้
ความสำคัญของศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
ตอบสนองความต้องการของเด็กปฐมวัย
เด็กชอบวาดรูป  ขีดๆเขียนๆ
เด็กมีความคิด  จินตนาการ
เด็กใช้ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ที่บางครั้งไม่สามารถ พูด อธิบายได้
เด็กต้องการการสนับสนุนจากผู้ใหญ่
เด็กต้องการกำลังใจ การสร้างความเชื่อมั่น และความภาคภูมิใจ
ความสำคัญของการจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
เป็นพื้นฐานทางการศึกษาที่สำคัญสำหรับเด็กปฐมวัย
ร่างกาย  อารมณ์-จิตใจ  สังคม   สติปัญญา
ช่วยจัดสรรประสบการณ์ที่มีผลต่อการเรียนรู้ให้กว้างมากขึ้น
กระบวนการทางศิลปะจะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตนเองและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามวัย
ช่วยพัฒนาเด็กเป็นรายบุคคล
ช่วยเสริมสร้าง / กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

ทฤษฎีโครงสร้างทางสติปัญญาของกิลฟอร์ด
นักจิตวิทยาชาวอเมริกันศึกษาเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ตัวประกอบของสติปัญญา
เน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์
ความมีเหตุผล
การแก้ปัญหา
กิลฟอร์ด  อธิบายความสามารถของสมองออกเป็น 3  มิติ คือ
มิติที่ 1 เนื้อหา  มิติเกี่ยวกับ ข้อมูล หรือ สิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิดสมอง รับข้อมูลเข้าไปคิดพิจารณา   4   ลักษณะ
ภาพ
สัญลักษณ์
 - ภาษา
 - พฤติกรรม
มิติที่ 2 วิธีการคิด มิติที่แสดงลักษณะการทำงานของสมองใน   5  ลักษณะ
การรู้จัก การเข้าใจ
การจำ
การคิดแบบอเนกนัย  (คิดได้หลายรูปแบบ  หลากหลาย)
การคิดแบบเอกนัย  (ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด)
การประเมินค่า
มิติที่ 3  ผลของการคิด  มิติที่แสดงถึงผลที่ได้จากการทำงานของสมอง  จากมิติที่ 1 + มิติที่ 2
มี  6  ลักษณะ
-  หน่วย
-  จำพวก
-  ความสัมพันธ์
-  ระบบ
-  การแปลงรูป
-  การประยุกต์
สรุป
- เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างทางสติปัญญา
- ทำให้ทราบความสามารถของสมองที่แตกต่างกันถึง 120  ความสามารถตามแบบจำลองโครงสร้างทางสติปัญญาในลักษณะ 3 มิติ  คือ มีเนื้อหา  4  มิติ วิธีการคิด  5  มิติ     และผลทางการคิด  6  มิติ  รวมความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วย   คือ วิธีการคิดอเนกนัย  เป็นการคิดหลายทิศทาง  หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล  ซึ่งลักษณะความคิดนี้จะนำไปสู่การประดิษฐ์คิดค้นสิ่งแปลกใหม่

ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์ (Torrance)

นักจิตวิทยาและนักการศึกษาผู้มีชื่อเสียง  ชาวอเมริกัน เสนอแนวคิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่า ประกอบด้วย
ความคล่องแคล่วในการคิด
ความยืดหยุ่นในการคิด
ความริเริ่มในการคิด   
แบ่งลำดับขั้นการคิดสร้างสรรค์ เป็น 5 ขั้น
ขั้นการค้นพบความจริง  เป็นขั้นเริ่มต้น  ค้นหาสาเหตุ
-ขั้นการค้นพบปัญหา  เป็นขั้นที่สามารถคิดได้ และเกิดความเข้าใจแล้วว่า ปัญหาคืออะไร
ขั้นการตั้งสมมุติฐาน  เมื่อรู้ปัญหาว่าคืออะไรจากขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 แล้วก็พยายามคิดแก้ปัญหา หาทางออกโดยการตั้งสมมุติฐาน
ขั้นการค้นพบคำตอบ  เป็นการค้นพบคำตอบจากการตั้งสมมุติฐานด้วยวิธีการต่างๆอย่างหลากหลาย
ขั้นยอมรับผลจากการค้นพบ ค้นพบว่าสมมุติฐานที่ทดสอบไปในขั้นที่ 4 นั้น ได้ผลเป็นอย่างไรสรุปว่าสมมุติฐานใดคือการแก้ปัญหา หรือทางออกที่ดีที่สุด
สรุป
ทอร์แรนซ์ กล่าวว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการของความรู้สึกไวต่อปัญหา  หรือสิ่งที่ขาดหายไป   แล้วเกิดความพยายามในการสร้างแนวคิด  ตั้งสมมุติฐาน  ทดสอบสมมุติฐาน   และเผยแพร่ผลที่ได้ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจ  ทำให้เกิดแนวทางในในการค้นคว้าสิ่งแปลกๆใหม่ๆต่อไปขั้นความคิดสร้างสรรค์นี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับขั้นการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์  ทอร์แรนซ์จึงเรียกขั้นการคิดสร้างสรรค์นี้ว่า กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

ทฤษฎีความคิดสองลักษณะ

-เป็นทฤษฎีที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะเป็นการค้นพบความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์
-การทำงานของสมองสองซีก  ทำงานแตกต่างกัน
สมองซีกซ้าย   ทำงานส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล   ส่วนสมองซีกซ้ายที่เป็นส่วนของการคิดที่เป็นเหตุผล จะพัฒนาในช่วง 9-12 ปี  และสมองจะเจริญเติบโตเต็มที่เมื่อเด็กอายุ  11-13 ปี
สมองซีกขวา    ทำงานส่วนจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์  คือ...สมองซีกขวา ซึ่งเป็นส่วนของจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สามารถพัฒนาได้มากในช่วงวัย 4-7 ปี   

ทฤษฎีพหุปัญญาของการ์ดเนอร์

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาการศึกษา  ชาวอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายของสติปัญญาผู้คิดค้นทฤษฎีพหุปัญญา ( ศักยภาพและความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ )
ทฤษฎีพหุปัญญา จำแนกความสามารถหรือสติปัญญาของคนเอาไว้ 9 ด้าน  ได้แก่

ความสามารถด้านภาษา     เรียนรู้และเข้าใจคำพูดต่างๆได้เร็วเกินวัย              
- ความสามารถด้านตรรกวิทยาแลคณิตศาสตร์   มีความถนัดเรื่องคณิตศาสตร์ เข้าใจเรื่องตัวเลขได้เร็ว
ความสามารถด้านดนตรี   ถนัดและเก่งดนตรี ชอบฟังเพลง  ร้องเพลง และจำเนื้อเพลงได้เร็ว           
- ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์   มีความสามารถในการเห็นภาพรวม
ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย   มีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง  ชอบการวิ่งเล่น  ออกกำลังกาย เต้นรำ
ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์    ชอบบริการผู้อื่น  ช่างเอาอกเอาใจ ชอบช่วยเหลือเพื่อน
-  ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์  ชอบเรียนรู้ ค้นคว้า วิจัย สามารถเขียนบันทึกประจำวันได้ดี
ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา   ชอบเรียนรู้ธรรมชาติ / สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว
ความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา   คิดไว  มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาต่างๆได้ดี

ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
-ปัญญา มีลักษณะเฉพาะด้าน
-ทุกคนมีปัญญาแต่ละด้าน ทั้ง 9 ด้านมากน้อยแตกต่างกัน
-ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นได้
-ปัญญาต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้
-ในปัญญาแต่ละด้าน ก็มีความสามรถหลายอย่าง

ทฤษฎีโอตา (AUTA)
เดวิส (Davis) และซัลลิแวน (Sullivan) ความคิดสร้างสรรค์นั้นมีอยู่ในมนุษย์ทุกคนและสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ตามรูปแบบโอตา มีลำดับการพัฒนา 4ขั้นตอน ได้แก่ การตระหนัก ความเข้าใจ เทคนิควิธี และการตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ

ขั้นตอนที่ 1 การตระหนัก  ต้องตระหนักถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ที่มีต่อตนเอง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น
การพัฒนาปรีชาญาณ
การรู้จักและเข้าใจตนเอง
การมีสุขภาพจิตที่สมบูรณ์
การมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ขั้นตอนที่ 2 ความเข้าใจ  มีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ
- ความรู้และเนื้อหาเรื่องบุคลิกภาพของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์
- ลักษณะกระบวนการความคิดสร้างสรรค์
-ทฤษฏีความคิดสร้างสรรค์
- เทคนิค วิธีการฝึกความคิดสร้างสรรค์

ขั้นตอนที่ 3  เทคนิควิธี   การรู้เทคนิควิธีในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทั้งที่เป็นเทคนิคส่วนบุคคลและเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน
เทคนิควิธีการในการฝึกความคิดสร้างสรรค์
การระดมสมอง
การคิดเชิงเปรียบเทียบ
การฝึกจินตนาการ

ขั้นตอนที่ 4  การตระหนักในความจริงของสิ่งต่างๆ  การรู้จักหรือตระหนักในตนเอง พอใจในตนเอง สามารถดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
เปิดกว้างรับประสบการณ์ต่างๆ โดยปรับตัวอย่างเหมาะสม
มีความคิดริเริ่มและผลิตผลงานด้วยตนเอง
สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม

พัฒนาการทางศิลปะ
วงจรของการขีดๆเขียนๆ
เคลล็อก (Kellogg)  ศึกษางานขีดๆเขียนๆของเด็กปฐมวัย และจำแนกขั้นตอนออกเป็น ขั้นตอน ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของงานขีดๆเขียนๆทางศิลปะที่มีผลเชื่อมโยงกับพัฒนาการของเด็ก ขั้นตอน มีดังนี้  ขั้นขีดเขี่ย  ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง  ขั้นรู้จักออกแบบ และขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ

ขั้นที่ ขั้นขีดเขี่ย (placement  stage)  
-เด็กวัย 2 ขวบ
-ขีดๆเขียนๆตามธรรมชาติ
-ขีดเขี่ยเป็นเส้นตรงบ้าง โค้งบ้าง
-ขีดโดยปราศจากการควบคุม

ขั้นที่ ขั้นเขียนเป็นรูปร่าง (shape  stage)
-เด็กวัย 3 ขวบ
-การขีดๆเขียนๆเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น
-เขียนวงกลมได้
-ควบคุมมือกับตาให้สัมพันธ์กันมากขึ้น

ขั้นที่ 3 ขั้นรู้จักออกแบบ (design stage)
-เด็กวัย 4 ขวบ
-ขีดๆเขียนๆที่เป็นรูปร่างเข้าด้วยกัน
-วาดโครงสร้างหรือเค้าโครงได้
-วาดสี่เหลี่ยมได้

ขั้นที่ ขั้นการวาดแสดงเป็นภาพ (pictorial stage)
-เด็กวัย 5 ขวบขึ้นไป
-เริ่มแยกแยะวัตถุที่เหมือนกับมาตรฐานของผู้ใหญ่ได้
-รับรู้ความเป็นจริง เขียนภาพแสดงถึงภาพคน/ สัตว์ได้
-ควบคุมการขีดเขียนได้ดี
-วาดสามเหลี่ยมได้

พัฒนาการด้านร่างกาย
กีเซลล์และคอร์บิน สรุปพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของเด็กปฐมวัย ตามลักษณะพฤติกรรมทางการใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก ดังนี้
ด้านการตัด
อายุ 3-4 ปี  ตัดกระดาษเป็นชิ้นส่วนได้
อายุ 4-5 ปี  ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้  
อายุ 5-6 ปี  ตัดกระดาษตามเส้นโค้งหรือรูปร่างต่างๆได้
การขีดเขียน
อายุ 3-4 ปี  เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
อายุ 4-5 ปี  เขียนรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสตามแบบได้  
อายุ 5-6 ปี  เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
การพับ
อายุ 3-4 ปี     พับและรีดสันกระดาษสองทบตามแบบได้
อายุ 4-5 ปี     พับและรีดสันกระดาษสามทบตามแบบได้  
อายุ 5-6 ปี     พับและรีดสันกระดาษได้คล่องแคล่ว หลายแบบ
การวาด
อายุ 3-4 ปี   วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ขา ปาก
อายุ 4-5 ปี    วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก จมูก ปาก ลำตัว เท้า
อายุ 5-6 ปี    วาดภาพคนมีศีรษะ ตา ปาก ลำตัว เท้า จมูก แขน  มือ คอ  ผม

ประเมิน

ตนเอง เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน
เพื่อน เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย
อาจารย์ เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย



บันทึกอนุทินครั้งที่ 1


บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย  (EAED3208)
อาจารย์ผู้สอน   ว่าที่ร้อยตรีกฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
 ครั้งที่ 1,2 วันที่ 7, 14  มกราคม 2558
เวลาเรียน  08:30-10:10 น. เวลาเข้าเรียน 08.30 น. เวลาเลิกเรียน 10.10 น.

สิ่งที่เรียนในวันนี้

 สัปดาห์แรกอาจารย์ได้บอกแนวการสอนของรายวิชานี้ ตาม Course Syllabus ตามที่อาจารย์ได้เตรียมมาและอาจารย์ก็ให้นักศึกษาได้สร้างบล็อกสำหรับสรุปงานของรายวิชานี้ลงบล็อก และรายวิชานี้จะเรียนวันพุธกับวันพฤหัสบดี และอาจารย์ให้สรุปบล็อกอาทิตย์ละที่ครั้งรวม2วันที่เรียนเป็น1ครั้งและในบล็อกต้องมีวิจัยอย่างน้อย 5 เรื่องบทความ 5 เรื่องเกี่ยวกับศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย 20 คะแนน และอาจารย์ได้สร้างกฎระเบียบของการเข้าห้องเรียนว่าการที่เรียนในรายวิชานี้ต้องแต่งกายอย่างไร 

สัปดาห์ที่2
วันนี้อาจารย์ให้ดูวิดีโอ


ให้นักศึกษาได้แต่งความคิดเห็นกับวิดีโอที่ได้ดูว่า วิดีโอที่ได้ดูสะท้อนให้เห็นถึงอะไรบ้างและครูผู้สอนไม่ควรนั้งอยู่เฉยๆควรเดินดูเด็กเวลาเด็กได้ทำงาน และเด็กแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันและหลังจากนั้นอาจารย์ได้ให้ทำงานในห้องเรียนคือ ให้วาดตนเองตามจินตนาการ
ก่อนที่เราจะไปสอนเด็ก อย่างแรกเลยเราต้องบอกเด็กให้ชัดเจนก่อนที่จะแจกกระดาษ เมื่อวาดเสร็จอาจารย์ให้นักศึกษาไปแปะกระดาษหน้าชั้นเรียน แล้วอาจารย์ได้สังเกตนักศึกษาว่ายังไม่มีความอิสระมากเท่าไหร่ พฤติกรรมครู ต้องเดินดูเด็กตลอดเวลา เราจะรู้พฤติกรรมของเด็กแต่ละคนและระหว่างการที่เด็กกำลังนั่งทำงานเราจะเห็นว่าเด็กจะมีปฎิสัมพันธ์กับเพื่อน ผลงาน การประเมินชิ้นงานเด็ก ประเมินกกระบวนการ การทำงาน ผลงานและชิ้นงาน เทคนิค คือการดูจากของจริงที่เราจะวาด การติดผลงานบนกระดาน ควรติดด้านซ้ายบน เรียงลำดับมาเรื่อยๆให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เด็กจะได้ทั้งเรื่องตัวเลขและความเป็นระเบียบ  การติดผลงานบนกระดานไม่ควรต่ำกว่าเมตร50 กิจกรรมศิลปะเด็ก เด็กจะสามารถเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาถ้าทำไม่เสร็จ การติดผลงานใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ส่วนใหญ่จะใช้แนวนอนเพราะพื้นที่ในการติดจะเยอะกว่า การดาษวาดภาพเด็กต้องมีพื้นที่ในการเขียนข้อความบรรยายภาพไว้ข่างล่างกระดาษ และควรใช้คำถามปลายเปิดในการถามเด็ก ใช้คำถามเป็นการกระตุ้นให้เด็กคิด สุดท้ายอาจารย์ให้บรรยายรูปภาพของตนเอง3-5คำ

   


ชิ้นงานของดิฉัน




อาจารย์ให้นำผลงานของทุกคนมาติดหน้าชั้นเรียน



การติดผลงานที่ถูกต้อง



าจารย์ได้สั่งงานให้ไปหาพัฒนาการทางศิลปะเกี่ยวกับอะไรก็ได้ เขียนสรุปมา 1 หน้ากระดาษ A4 รายงาน ตกแต่งก็ได้แล้วแต่นักศึกษา  หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้จับกลุ่ม กลุ่มละ คน มีทั้งหมด 5 กลุ่ม แล้วแจกคำถามกลุ่มละ1 ใบ แจกกระดาษ แจกสี โดยส่งตัวแทน มีข้อแม้ห้ามเป็นคนเดิม อาจารย์ได้สอดแทรก ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ควรแจกสิ่งที่ขีดเขียนไม่ได้ทีหลัง อาจารย์ให้เวลาทำงาน 1ชั่วโมง เมื่อเสร็จก็ให้แต่ละกลุ่มออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียน เมื่อเพื่อนนำเสนอเสร็จ อาจารย์ก็จะคอยให้คำแนะนำเพิ่มเติม แสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนและละเอียด

อาจารย์แจกอุปกรณ์ให้







อาจารย์ให้ออกไปนำเสนอหน้าชั้นเรียนของทุกกลุ่ม





ประเมิน

ตนเอง เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อยตั้งใจทำงานและช่วยเหลือเพื่อน
เพื่อน เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ช่วยกันทำงาน
อาจารย์ เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย พูดจาไพเราะ